สารบัญศาลหลักเมือง

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ o-ศาลหลักเมือง แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ o-ศาลหลักเมือง แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ศาลหลักเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี (Suratthani City Pillar Shrine)


ศาลหลักเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี
  วันศุกร์ที่  ๑ กุมภาพันธ์   พ.ศ. ๒๕๖๒

ศาลหลักเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี  (Suratthani City Pillar Shrine)

ศาลหลักเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี  (Suratthani City Pillar Shrine)
          ปัจจุบันศาลหลักเมืองตั้งอยู่ที่ : บริเวณสนามศรีสุราษฎร์  ใกล้แม่น้ำตาปี  ตำบลตลาด  อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี  จังหวัดสุราษฎร์ธานี
          เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา  ๐๗.๐๐ น. - ๑๙.๐๐ น.
ศาลหลักเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี  (Suratthani City Pillar Shrine)


          ศาลหลักเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี  มีลักษณะรูปแบบทางสถาปัตยกรรมไทย สร้างด้วยคอนกรีตตามแบบศิลปะศรีวิชัย โดยนำเค้าโครงของเจดีย์วัดพระบรมธาตุไชยา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ทางศิลปกรรมมาเป็นแม่แบบขององค์ศาลหลักเมือง ลักษณะหลังคามณฑปมียอดฉัตร ๕ ชั้น โดยประกอบด้วยเจดีย์ประธาน เป็นรูปทรงระฆังคว่ำ และหลังคาซ้อนเป็นชั้นมณฑปลดหลั่นลงมาจำนวน ๔ ชั้น เจดีย์บริวารทรงระฆังคว่ำขนาดเล็ก ๔ มุมลดหลั่นลงมาเป็นชั้นๆ อีก ๒ ชั้น มุมฐานเจดีย์ทั้ง ๔ มุม ตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้นพญานาค

ถัดลงมาเป็นตัวองค์ศาลหลักเมือง มีขนาดภายใน กว้าง ๖.๐๐ x ๖.๐๐ เมตร เป็นมณฑปจตุรมุขทรงไทย ฐานเป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรมุขย่อมุม  มีบันไดทางขึ้น ๔ ด้าน และซุ้มประตูเข้า-ออก ๔ ด้าน มีหลังคาฐานสี่เหลี่ยมขนาดสูง ๕.๑๐ เมตร กว้าง ๒.๑๐ เมตร ตกแต่งด้วยลายปูนปั้นแบบศรีวิชัย ปั้นก่อบัวลวดลายบนกลีบขนุนทั้ง ๔ ด้าน หน้าบันใหญ่เป็นรูปราหูอมจันทร์ประดับพื้นกระจกเล็กๆ ทำให้เกิดความระยิบระยับขึ้นกับตัวองค์ศาลหลักเมือง เมื่อกระทบกับแสง ส่วนหน้าบันย่อยที่อยู่บนชั้นถัดขึ้นไปและใบระกาตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้นทั้งหมด  และได้อัญเชิญเครื่องหมายตราสัญลักษณ์พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา  ๖ รอบ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ ๙) ประดับไว้ทั้ง ๔ ด้าน


เสาหลักเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี  (Suratthani City Pillar Shrine)


          ภายในมณฑปประดิษฐานเสาหลักเมือง  ซึ่งมีลักษณะเป็นเสากลมโต แกะสลักจากต้นราชพฤกษ์  ซึ่งถือว่าเป็นไม้มงคลขนาดใหญ่ที่พบในป่าสุราษฎร์ธานี มีอายุถึง ๑๓๙ ปี ลงรักปิดทอง มีขนาดความสูง ๑๐๘ นิ้ว เส้นผ่าศูนย์กลาง ๒๐ นิ้ว โดยแกะสลักตามแบบศิลปะศรีวิชัย ยอดบนสุดบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ  ส่วนยอดเสาหลักเมืองเป็นพระพักตร์ของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรสี่หน้า หันพระพักตร์ไปทั้งสี่ทิศเหมือนการแกะสลักพระพรหมสี่หน้าไว้ตามยอดเสาหลักเมืองอื่นๆ และมวยพระเกศาสลักเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ พร้อมกับลงรักปิดทองอย่างวิจิตรสวยงาม  ล้อมรอบด้วยเสาหลักเมืองจำลอง ๔ เสา ตั้งอยู่บนฐานแกรนิตสี รับเสาหลักเมืองโดยปั้นลวดลายชั้นแรกบนฐาน ๘ เหลี่ยม ตกแต่งซุ้มด้วยลวดลายปูนปั้นพญานาค ๗ เศียร และรูปช้างอยู่ในซุ้ม ขนาด ๘ ตัว ลงรักปิดทอง ชั้นที่ ๒ ปั้นลวดลายเป็นรูปบัวเล็บช้างลงรักปิดทอง
ป้ายหน้าศาลหลักเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี ฝั่งตรงข้ามสถานีตำรวจภูธรจังหวัด

ป้ายหน้าศาลหลักเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี ฝั่งริมแม่น้ำตาปี





โต๊ะวางของบูชาบริเวณด้านหน้าศาลหลักเมือง



ป้ายกล่าวคำบูชาศาลหลักเมือง
โถน้ำมนต์ศาลหลักเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี


ความสวยงามของฝ้าเพดานภายในเป็นไม้สักประกอบคิ้วบัว ลงลักปิดทอง ๒ ชั้น
ตรงกลางประดับด้วยโคมไฟระย้า
ฆ้องวงใหญ่ภายในศาลหลักเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี


ประตูกระจกทางเข้า-ออก วาดรูปยักษีกับยักษา ด้วยสีสรรสวยงาม



อาคารจัดจำหน่ายดอกไม้ ธูป-เทียน เครื่องบูชาองค์หลักเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี



ภูมิทัศน์ภายนอกทุกตกแต่งไว้ด้วยไม้ประดับ  พื้นบริเวณทางเดินปูด้วยหินแกรนิต
ให้แสงสว่างโดยรอบด้วยโคมไฟสนามรูปหงส์สีทอง










ต้นโพธิ์เงิน-โพธิ์ทอง  บริเวณวงเวียน
ฝั่งตรงข้ามกับศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสุราษฎร์ธานี



ศาลหลักเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ศาลหลักเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี  (Suratthani City Pillar Shrine)
          ปัจจุบันตั้งอยู่ที่ : บริเวณสนามศรีสุราษฎร์  ใกล้แม่น้ำตาปี 
(ตรงข้ามศาลเยาวชนและครอบครัว จังหวัดสุราษฎร์ธานี) 
ตำบลตลาด  อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี  จังหวัดสุราษฎร์ธานี


วันพุธที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ศาลหลักเมืองจังหวัดนครสวรรค์ (Nakhonsawan City Pillar Shrine)

ศาลหลักเมืองจังหวัดนครสวรรค์
ณ วันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ (วันวิสาขบูชา)

ศาลหลักเมืองจังหวัดนครสวรรค์  (Nakhonsawan City Pillar Shrine)
ปัจจุบันตั้งอยู่ ณ บริเวณเชิงเขากบ ตรงข้ามกับโรงเรียนนครสวรรค์ใกล้กับสำนักงานเทศบาลนครสวรรค์  ตำบลปากน้ำโพ  อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์


            ศาลหลักเมืองจังหวัดนครสวรรค์ เป็นสถาปัตยกรรมไทย มณฑปจตุรมุขทรงไทยรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ก่ออิฐฉาบปูนขาวแดง  มีซุ้มประตูเข้า-ออก ๓ ด้าน  ลักษณะหลังคาทรงไทยเป็นชั้นลด ๒ ชั้น ทรงจั่ว ๔ ด้าน ประดับด้วยช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หลังคามุงกระเบื้องเกล็ด เรือนยอดหลังคาเป็นแบบยอดปรางค์ ส่วนของยอดปรางค์ประดับฝักเพกา (ลำภุขัน) มีลักษณะคล้ายวชิราวุธอันเป็นอาวุธ ของพระอินทร์นำมาซ้อนกัน ๓ ชั้น

ภายในประดิษฐานเสาหลักเมือง ซึ่งมีลักษณะเป็นเสากลม ทำจากไม้มงคลราชพฤกษ์ ยอดเสาหลักเมืองแกะสลักเป็นรูปดอกบัวตูม ส่วนฐานแกะสลักเป็นดอกบัวรองรับ ลงรักปิดทอง โดยกองหัตถศิลป์ กรมศิลปากร เป็นผู้ออกแบบและแกะสลักเสาหลักเมือง 
ป้ายศาลหลักเมืองนครสวรรค์
บริเวณประตูหน้าทางเข้าศาลหลักเมืองนครสวรรค์

ภายในศาลหลักเมืองเป็นที่ประดิษฐานเสาหลักเมืองนครสวรรค์
ภายในศาลหลักเมืองนครสวรรค์ประดิษฐานองค์เทพารักษ์ ๓ องค์ อันได้แก่
องค์ซ้ายคือ “พระเสื้อเมือง”
องค์กลางคือ “พระกาฬไชยศรี”
องค์ขวาคือ “พระทรงเมือง”
พระเสื้อเมือง : เป็นเทพารักษ์คุ้มครองป้องกันทั้งทางบกและทางน้ำ คุมกำลังไพร่พล แสนยากร รักษาบ้านเมืองให้ร่มเย็นเป็นสุข ปราศจากอริราชศัตรูมารุกราน
พระทรงเมือง : เป็นเทพรักษาการปกครอง และกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ดูแลทุกข์สุขของประชาชน ให้ร่มเย็นเป็นสุขสวัสดี
พระกาฬไชยศรี : เป็นบริวารพระยม มีหน้าที่นำวิญญาณของมนุษย์ผู้ทำบาปไปสู่ยมโลก

ป้ายคำกล่าวบูชาสักการะองค์พระหลักเมืองนครสวรรค์

ขั้นตอนการนมัสการศาลหลักเมืองนครสวรรค์
    1.   จุดเทียนปักในกระถางด้านหน้าทางเข้าศาลหลักเมือง
    2.   จุดธูปเข้าด้านในเพื่อกล่าวคำบูชาและสักการะศาลหลักเมือง
    3.   นำธูปออกมาปักในกระถางด้านหน้าศาลหลักเมือง
    4.   ถวายดอกไม้สด และเครื่องสังเวย หรือสิ่งของต่างๆ ที่เตรียมมา
    5.   ปิดทองที่เสาหลักเมืองและองค์พระ ๓ องค์ 
          (พระเสื้อเมือง พระกาฬชัยศรี พระทรงเมือง)
    6.   เติมน้ำมันตะเกียง

ความสวยงามของเพดานศาลหลักเมืองจังหวัดนครสวรรค์ 

เทวดารักษาทวารและผนังภายในศาลหลักเมืองจังหวัดนครสวรรค์ 

บริเวณจุดเทียน-ปักธูป-เติมน้ำมันตะเกียงหน้าศาลหลักเมืองจังหวัดนครสวรรค์ 

กระถางมังกรปักเทียน-ปักธูปหน้าศาลหลักเมืองจังหวัดนครสวรรค์ 

ผนังด้านหลังภายนอกศาลหลักเมืองจังหวัดนครสวรรค์
เป็นป้ายหินอ่อนจารึกประวัติความเป็นมาของศาลหลักเมือง 

บริเวณโดยรอบนอกศาลหลักเมืองจังหวัดนครสวรรค์











บริเวณด้านหลังศาลหลักเมืองจังหวัดนครสวรรค์
       เป็นที่ตั้งมณฑปและภายในประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์  อันได้แก่

หอพระกษิติครรภ์มหาโพธิสัตว์เจ้า

พระอาจารย์ โอภาษี

ยกช้างเสี่ยงทายภายในมณฑปด้านหลังศาลหลักเมือง

หอพระเจ้างามฟ้าพุทธาสถิตย์ ภายในมณฑปด้านหลังศาลหลักเมือง

หอองค์มหาเทพ และเทพเทวาทั้งปวง ภายในมณฑปด้านหลังศาลหลักเมือง

หอภูมิเทวาพิทักษ์อุดมเขตต์ (ท่านเจ้าที่)
และหอเทพปูชนียสถาน
ภายในมณฑป ด้านหลังศาลหลักเมือง
ประวัติศาลหลักเมืองจังหวัดนครสวรรค์
        ตามประเพณีการสร้างบ้านสร้างเมืองแต่โบราณกาลสืบเนื่องกันมา  เมื่อมีการสร้างบ้านสร้างเมืองขึ้น ณ ที่แห่งใด  ก็จำเป็นจะต้องมีหลักเมืองควบคู่กันไปด้วย  การสร้างหลักเมืองไม่เกี่ยวกับลัทธิศาสนาใดๆ ทั้งสิ้น  แต่เป็นสัญลักษณ์แสดงว่า  เมื่อสร้างหลักเมืองเสร็จแล้ว  บ้านเมืองจะได้สถิตสถาพรยืนนาน  ประชาชนพลเมืองจะได้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข  ปราศจากภัยพิบัติทั้งปวง  และเป็นหลักชัยที่จะนำความสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคลมาสู่จังหวัด  เป็นนิมิตมงคลแห่งความร่วมมือสามัคคีกลมเกลียวกัน

        เนื่องจากตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ไม่ปรากฏว่า  จังหวัดนครสวรรค์มีหลักเมืองมาก่อน  เพื่อให้บ้านเมืองเป็นไปตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวมาข้างต้น  ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์  (นายวิทยา  เกษรเสาวภาค)  จึงได้ขออนุญาตสร้างหลักเมืองไปยังกระทรวงมหาดไทย  และทางกระทรวงมหาดไทยก็ได้พิจารณาเห็นชอบด้วย  ได้ตอบอนุญาตให้สร้างขึ้นได้ตามความประสงค์

ศาลหลักเมืองจังหวัดนครสวรรค์ จึงได้เริ่มการก่อสร้างในสมัยที่นายวิทยา เกษรเสาวภาค เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์  อาคารศาลหลักเมืองและเสาหลักเมืองแห่งนี้ออกแบบโดยกรมศิลปากร สร้างขึ้นด้วยเงินบริจาคของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นเงินทั้งสิ้น ๔๕๐,๐๐๐ บาท (สี่แสนห้าหมื่นบาทถ้วน)   นายช่างผู้แทนกรมศิลปากร และสำนักผังเมือง เป็นผู้พิจารณาเลือกสถานที่ เริ่มทำการก่อสร้างเมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๑๖   โดยมี ฯพณฯ ถวิล สุนทรศารทูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๑๖  ส่วนการตกแต่งบริเวณโดยรอบศาลหลักเมือง ได้ใช้จ่ายเงินจากเงินงบประมาณของเทศบาลเมืองนครสวรรค์ในขณะนั้น เป็นจำนวนเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท  (หนึ่งแสนบาทถ้วน) และศาลหลักเมืองได้ทำการก่อสร้างจนแล้วเสร็จเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๑๖  

               เสาหลักเมืองนครสวรรค์นี้สร้างจากไม้มงคลราชพฤกษ์   และได้นำทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ ๙) ทรงพระสุหร่ายและทรงเจิม ณ พระราชตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๖ และได้กระทำพิธียกเสาหลักเมืองขึ้นประดิษฐาน เมื่อวันที่  ๔ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๑๗ ตรงกับวันศุกร์  เวลา ๑๑.๕๙ น.

            ในทุกๆ ปี จะมีการจัดงานสมโภชศาลหลักเมืองนครสวรรค์อย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งได้ฉลองครบรอบ ๔๐ ปีศาลหลักเมืองนครสวรรค์ ไปเมื่อปี พุทธศักราช ๒๕๕๗ ที่ผ่านมา ในงานพิธีอันเป็นมงคลนี้ที่มีชื่อว่า “พิธีวันอาจาริยะบูชา” ซึ่งจัดขึ้นในช่วงต้นเดือนมิถุนายน  ณ  ศาลาเอนกประสงค์ศาลหลักเมือง จังหวัดนครสวรรค์

ศาลหลักเมืองจังหวัดนครสวรรค์  (Nakhonsawan City Pillar Shrine)
ปัจจุบันตั้งอยู่ ณ บริเวณเชิงเขากบ ตรงข้ามกับโรงเรียนนครสวรรค์
ใกล้กับสำนักงานเทศบาลนครสวรรค์  ตำบลปากน้ำโพ  
อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์