ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร
ณ วันเสาร์ที่ ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙
ณ วันเสาร์ที่ ๓๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙
ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร (Bangkok City Pillar Shrine)
ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร เป็นศาลหลักเมืองที่สร้างขึ้นมาพร้อมกับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี ตามธรรมเนียมพิธีพราหมณ์ว่า ก่อนที่จะสร้างเมืองจะต้องทำพิธียกเสาหลักเมืองในที่อันเป็นชัยภูมิสำคัญ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านเมืองที่จะสร้างขึ้น
ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร เป็นศาลหลักเมืองที่สร้างขึ้นมาพร้อมกับการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานี ตามธรรมเนียมพิธีพราหมณ์ว่า ก่อนที่จะสร้างเมืองจะต้องทำพิธียกเสาหลักเมืองในที่อันเป็นชัยภูมิสำคัญ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านเมืองที่จะสร้างขึ้น
ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร ปัจจุบันตั้งอยู่ : ณ บริเวณมุมด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของท้องสนามหลวง ตรงข้ามพระบรมมหาราชวัง ถนนหลักเมือง แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระปรโมรุราชามหาจักรีบรมนารถ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (รัชกาลที่ ๑) ทรงรับอัญเชิญเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ เมื่อวันที่ ๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๓๒๕ แล้ว ก็โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายพระนครมายังฝั่งตรงข้ามกับกรุงธนบุรี มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พระยาธรรมาธิกรณ์และพระยาวิจิตรนาวี เป็นแม่กองก่อสร้างพระมหานคร และพระบรมมหาราชวัง
และพระบาทสมเด็จพระปรโมรุราชามหาจักรีบรมนารถ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (รัชกาลที่ ๑) ยังได้โปรดเกล้าฯ ให้มีพระราชพิธียกเสาหลักเมืองขึ้น เมื่อวันอาทิตย์ เดือน ๖ ขึ้น ๑๐ ค่ำ ตรงกับวันที่ ๒๑ เมษายน ปีพุทธศักราช ๒๓๒๕ เวลา ๖.๕๔ นาฬิกา (ในเวลาย่ำรุ่ง ๕๔ นาที) ณ ชัยภูมิใจกลางพระนครใหม่ ที่พระราชทานนามว่า "กรุงรัตนโกสินทร์อินท์อโยธยา" หรือเรียกกันต่อมาว่า "กรุงเทพมหานคร" สถิตสถาพรเป็นมิ่งขวัญของประชาชนชาวไทย การฝังเสาหลักเมืองมีพิธีรีตองตรงตาม พระตำราที่เรียกว่า "พระราชพิธีนครฐาน" โดยใช้ไม้ชัยพฤกษ์ทำเป็นเสาหลักเมือง ประกบด้านนอกด้วยไม้แก่นจันทน์ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางวัดที่โคนเสา ๒๙ เซนติเมตร สูง ๑๘๗ นิ้ว กำหนดให้ความสูงของเสาหลักเมืองอยู่พ้นดิน ๑๐๘ นิ้ว ฝังลงในดินลึก ๗๙ นิ้ว มีเม็ดยอดรูปบัวตูม สวมลงบนเสาหลัก ลงรักปิดทอง ล้วงภายในไว้เป็นช่องสำหรับบรรจุดวงพระชันษาพระนคร (ดวงชะตาเมือง)
และพระบาทสมเด็จพระปรโมรุราชามหาจักรีบรมนารถ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (รัชกาลที่ ๑) ยังได้โปรดเกล้าฯ ให้มีพระราชพิธียกเสาหลักเมืองขึ้น เมื่อวันอาทิตย์ เดือน ๖ ขึ้น ๑๐ ค่ำ ตรงกับวันที่ ๒๑ เมษายน ปีพุทธศักราช ๒๓๒๕ เวลา ๖.๕๔ นาฬิกา (ในเวลาย่ำรุ่ง ๕๔ นาที) ณ ชัยภูมิใจกลางพระนครใหม่ ที่พระราชทานนามว่า "กรุงรัตนโกสินทร์อินท์อโยธยา" หรือเรียกกันต่อมาว่า "กรุงเทพมหานคร" สถิตสถาพรเป็นมิ่งขวัญของประชาชนชาวไทย การฝังเสาหลักเมืองมีพิธีรีตองตรงตาม พระตำราที่เรียกว่า "พระราชพิธีนครฐาน" โดยใช้ไม้ชัยพฤกษ์ทำเป็นเสาหลักเมือง ประกบด้านนอกด้วยไม้แก่นจันทน์ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางวัดที่โคนเสา ๒๙ เซนติเมตร สูง ๑๘๗ นิ้ว กำหนดให้ความสูงของเสาหลักเมืองอยู่พ้นดิน ๑๐๘ นิ้ว ฝังลงในดินลึก ๗๙ นิ้ว มีเม็ดยอดรูปบัวตูม สวมลงบนเสาหลัก ลงรักปิดทอง ล้วงภายในไว้เป็นช่องสำหรับบรรจุดวงพระชันษาพระนคร (ดวงชะตาเมือง)
จวบจนถึงในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๔) พระองค์ได้โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาเสาหลักเมืองต้นใหม่
โดยให้ขุดเสาหลักเมืองเดิมและจัดสร้างเสาหลักเมืองขึ้นใหม่ทดแทนต้นเดิมที่ชำรุดไปตามกาลเวลาเป็นแกนไม้สัก
ประกบด้านนอกด้วยไม้ชัยพฤกษ์ ๖ แผ่น สูง ๑๐๘ นิ้ว ฐานเป็นแท่นกว้าง ๗๐ นิ้ว
บรรจุดวงเมืองในยอดเสาทรงมัณฑ์ที่มีความสูงกว่า ๕ เมตร และอัญเชิญหลักเมืองเดิมและหลักเมืองใหม่
ประดิษฐานในอาคารศาลหลักเมืองที่สร้างใหม่ มียอดปรางค์ที่ก่ออิฐฉาบปูนขาว
ได้แบบอย่างจากศาลหลักเมืองกรุงศรีอยุธยา เมื่อปีพุทธศักราช ๒๓๙๕
ซึ่งในครั้งนั้นพระองค์ได้ทรงผูกดวงชะตาพระนครขึ้นใหม่ ให้ถูกต้องตรงตามดวงพระราชสมภพ
เพื่อให้ประเทศชาติและประชาชนชาวไทยทั้งหลายที่อยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภารประสบความเจริญรุ่งเรืองวัฒนาถาวรยิ่งขึ้น
ดังนั้น : ภายในศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร จึงมีเสาหลักเมืองจำนวน ๒ ต้น ซึ่งเสาหลักเมืองต้นสูงสถาปนาในสมัยพระบาทสมเด็จพระปรโมรุราชามหาจักรีบรมนารถ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ ๑) และได้ทำพิธีถอนเสาแล้ว ส่วนเสาต้นที่สูงรองลงมาเป็นเสาหลักเมืองที่สถาปนาในสมัยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๔) นั่นเอง
ดังนั้น : ภายในศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร จึงมีเสาหลักเมืองจำนวน ๒ ต้น ซึ่งเสาหลักเมืองต้นสูงสถาปนาในสมัยพระบาทสมเด็จพระปรโมรุราชามหาจักรีบรมนารถ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ ๑) และได้ทำพิธีถอนเสาแล้ว ส่วนเสาต้นที่สูงรองลงมาเป็นเสาหลักเมืองที่สถาปนาในสมัยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๔) นั่นเอง
ศาลหลักเมืองได้รับการปฏิสังขรณ์อีกหลายครั้ง
ในปีพุทธศักราช ๒๕๒๓ มีการบูรณะซ่อมแซมครั้งใหญ่
เพื่อเตรียมการเฉลิมฉลองสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ครบ ๒๐๐ ปี ในปีพุทธศักราช ๒๕๒๕
ศาลหลักเมืองได้รับการบูรณะอย่างสวยงาม
ด้านทิศเหนือจัดสร้างซุ้มสำหรับประดิษฐานเทพารักษ์ทั้ง ๕ คือพระเสื้อเมือง, พระทรงเมือง, พระกาฬไชยศรี, เจ้าเจตคุปต์ และเจ้าหอกลอง มีการจัดละครรำ
ละครชาตรี ให้ผู้ต้องการบูชาว่าจ้างรำบูชาศาลหลักเมืองอยู่ด้านข้าง
ต่อมาเมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๒๙ ศาลหลักเมืองได้รับการบูรณะปรับปรุงให้มีความงดงามบริบูรณ์สมกับเป็นที่สถิตแห่งพระหลักเมืองและองค์เทพารักษ์ทั้ง
๕ ซึ่งเป็นเทพารักษ์คุ้มครองพระนครทั้ง ๕ องค์ ได้แก่ พระเสื้อเมือง,
พระทรงเมือง, พระกาฬไชยศรี, เจ้าเจตคุปต์ และเจ้าหอกลอง ที่ประดิษฐาน ณ ศาลหลักเมืองแห่งนี้ เป็นองค์เดิมที่สร้างขึ้นเมื่อสมัย รัชกาลที่ ๑ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๕ ได้มีการปรับปรุงพระนครครั้งใหญ่ มีการสร้างสถานที่ราชการและขยายถนนเพิ่มขึ้น จึงได้ย้านเทพารักษ์ทั้ง ๕ จากที่เดิมมาประดิษฐาน ณ ศาลหลักเมือง เพื่อทำหน้าที่ดูแล รักษาพระนครและประเทศชาติ ซึ่งพระมหากษัตริย์และประชาชนให้ความเคารพนับถือมาแต่โบราณกาลว่า สามารถอำนวยความสุขสวัสดี พิพัฒนมงคล ป้องกันภัยพาลพิบัติอุปัทวทุกข์ทุกประการแก่ผู้เคารพบูชาได้
พระเสื้อเมือง : เป็นเทพารักษ์ที่คุ้มครองป้องกันทั้งทางบก ทางน้ำ คุมกำลังไพร่พลแสนยากร รักษาบ้านเมืองให้ร่มเย็นเป็นสุข ปราศจากอริราชศัตรูมารุกราน
พระทรงเมือง : เป็นเทพารักษ์รักษาการปกครอง และรักษากระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ดูแลทุกข์สุขของประชาชนให้ร่มเย็นเป็นสุขสวัสดี
พระกาฬไชยศรี : เป็นบริวารพระยม มีหน้าที่นำวิญญาณของมนุษย์ผู้ทำบาปไปสู่ยมโลก
เจ้าเจตคุปต์ : เป็นบริวารพระยม มีหน้าที่จดความชั่วร้ายของชาวเมืองที่ตายไป และ อ่านประวัติของผู้ตายเสนอพระยม
เจ้าหอกลอง เป็นเทพารักษ์ประจำหอกลอง มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบเหตุการณ์ต่างๆ อันเกิดขึ้นในแผ่นดิน เป็นต้นว่าคอยรักษาเวลาย่ำรุ่ง ย่ำค่ำ และ เที่ยงคืน เกิดอัคคีภัย หรือ มีข้าศึกศัตรูยกมาประชิดพระนคร
ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานครหรือบ้างก็เรียกว่า ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง, หลักเมือง เป็นอีกหนึ่งจุด ที่ประชาชนคนไทยนิยมไหว้พระ ๙ วัด มักจะมาสักการะกันในช่วงปีใหม่ การไหว้ศาลหลักเมืองกรุงเทพฯ ก็เพื่ออธิษฐานขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์เสริมหลักชัยให้ชีวิต
พระทรงเมือง : เป็นเทพารักษ์รักษาการปกครอง และรักษากระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ดูแลทุกข์สุขของประชาชนให้ร่มเย็นเป็นสุขสวัสดี
พระกาฬไชยศรี : เป็นบริวารพระยม มีหน้าที่นำวิญญาณของมนุษย์ผู้ทำบาปไปสู่ยมโลก
เจ้าเจตคุปต์ : เป็นบริวารพระยม มีหน้าที่จดความชั่วร้ายของชาวเมืองที่ตายไป และ อ่านประวัติของผู้ตายเสนอพระยม
เจ้าหอกลอง เป็นเทพารักษ์ประจำหอกลอง มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบเหตุการณ์ต่างๆ อันเกิดขึ้นในแผ่นดิน เป็นต้นว่าคอยรักษาเวลาย่ำรุ่ง ย่ำค่ำ และ เที่ยงคืน เกิดอัคคีภัย หรือ มีข้าศึกศัตรูยกมาประชิดพระนคร
ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานครหรือบ้างก็เรียกว่า ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง, หลักเมือง เป็นอีกหนึ่งจุด ที่ประชาชนคนไทยนิยมไหว้พระ ๙ วัด มักจะมาสักการะกันในช่วงปีใหม่ การไหว้ศาลหลักเมืองกรุงเทพฯ ก็เพื่ออธิษฐานขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์เสริมหลักชัยให้ชีวิต
ขอขอบคุณข้อมูลจาก :
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
‘https://th.wikipedia.org/wiki/ศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น