สารบัญศาลหลักเมือง

วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2559

ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองจังหวัดสระบุรี (บ้านหมอ) Saraburi (Banmoa) City Pillar Shrine

ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองจังหวัดสระบุรี (บ้านหมอ)
ณ วันศุกร์ที่ ๑๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙ 

ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองจังหวัดสระบุรี (บ้านหมอ)  Saraburi (Banmoa) City Pillar Shrine
        ปัจจุบันตั้งอยู่ที่ : ฝั่งตรงข้ามกับทะเลสาบบ้านหมอ หมู่ ๑๑ ตำบลบ้านหมอ อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี


        ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองจังหวัดสระบุรี (บ้านหมอ) ได้ชื่อว่า "ศาลหลักเมืองโบราณ" ลักษณะเป็นศาลาเปิดโล่ง หลังคาไม้ทรงไทย หลังคาปูด้วยกระเบื้องดินเผาเกล็ดปลาบางส่วนผุผังไปตามกาลเวลา พื้นศาลก่ออิฐถือปูนยกสูงทรงสี่เหลี่ยมเฉพาะใต้ฐานองค์เจ้าพ่อหลักเมือง

        องค์เจ้าพ่อหลักเมือง เป็นเทวรูปนั่ง ทำด้วยหินทราย สันนิษฐานว่าเป็นศิลปะขอมในสมัยพุทธศตวรรษที่ ๑๗-๑๘  มีเทวรูปหนุมานและสุครีพอยู่ร่วมภายในศาล

        บ้านคูเมือง (เมืองขีดขิน หรือ เมืองปรันตปะ) ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านหมอ อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี ลักษณะเป็นเมืองโบราณ มีคูน้ำคันดินล้อมตัวเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมมุมมน และยังคงปรากฎหลักฐานครบทั้งสี่ด้าน กว้างประมาณ ๓๖๐ เมตร ยาวประมาณ ๒ กิโลเมตร พื้นที่โดยประมาณ ๐.๒๗ ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ ๗๐-๘๐ ไร่ ความเจริญของบ้านคูเมืองจัดอยู่ในสมัยลพบุรี (พุทธศตวรรษที่ ๑๗-๑๘)

         จากการสำราจทางโบราณคดี พบแผ่นอิฐแบบทราวดี หินบด ขวานหินขัด เศษภาชนะดินเผาเนื้อแกร่งสีเทาและสีดำ รอยประทับรูปเรือนแก้ว โบราณวัตถุที่พบเหล่านี้ สันนิษฐานว่า บ้านคูเมืองหรือเมืองขีดขิน มีอายุตั้งแต่สมัยทราวดี ลพบุรี และสืบเนื่องมาจนถึงสมัยกรุงศรีอยุธยาตามลำดับ
          
ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสระบุรี (บ้านหมอ) ได้ชื่อว่า "ศาลหลักเมืองโบราณ"
ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสระบุรี (บ้านหมอ)
เจ้าพ่อหลักเมืองสระบุรี (บ้านหมอ)
ศาลาทรงไทยโบราณของศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสระบุรี (บ้านหมอ)
ต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ที่คลุมศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสระบุรี (บ้านหมอ)

ป้ายทางเข้าศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสระบุรี (บ้านหมอ)
หากไม่สังเกตจริง ๆ แทบจะมองไม่เห็นเลย
หน้าทางเข้าศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสระบุรี (บ้านหมอ)
มีกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราชบรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ ๙)
"การสร้างอาคารสมัยนี้ คงเป็นเกียรติสำหรับผู้สร้างคนเดียว
แต่เรื่องโบราณสถานนั้น เป็นเกียรติของชาติ
อิฐเก่า ๆ แผ่นเดียวก็มีค่า ควรจะช่วยกันรักษาไว้
ถ้าเราขาดสุโขทัย อยุธยา และกรุงเทพฯ แล้ว
ประเทศไทยก็ไม่มีความหมาย"
          

            บ้านคูเมือง มีอีกชื่อว่า "เมืองขีดขิน" และตำนานพระพุทธบาทเรียกเมืองนี้ว่า "ปรันตปะราชธานี" พงศวดารเหนือ ฉบับพระวิเชียรปรีชา (น้อย) กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า "สมเด็จพระเจ้าไกรสรราช จึงสั่งให้ เสนาในให้สร้างเมืองใกล้เมืองละโว้ ทาง ๑๐๐ เส้น จัดแต่งพระราชวังและคูหอรบ เสาใต้เชิงเรียงบริูบูรณ์แล้ว จึงให้อำมาตย์รับเอาพระเจ้าดวงเกรียงกฤษณราชกับราชเทวี ไปราชาภิเษกร่วมกัน เมืองนี้นจึงชื่อว่า "เสนาราชนคร" แต่นั้นมา

            กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียน บ้านคูเมือง (เมืองขีดขิน หรือ เมืองปรันตปะ) เป็นโบราณสถานของชาติ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๗๕ เมื่อวันที่ ๘ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๗๘


ตำนาน "เมืองขีดขิน"
            เมืองขีดขิน เป็นเมืองเสนาราชนคร หรือ เมืองปรันตปะ เป็นโบราณสถานที่สำคัญของอำเภอบ้านหมอ ลักษณะเป็นคันดินและคูน้ำล้อมรอบ ตรงกลางเป็นโคกสูงเรียกว่า "โคกปราสาท" เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยทวาราวดี เคยมีคนขุดค้นพบวัตถุโบราณหลายชิ้น เช่น ศิลารูปพระโพธิสัตว์กับรูปทวารบาลหรือเทวบาล (ปัจจุบันอยู่ที่วัดพระพุทธบาท) อันเป็นศิลปะขอมสมัยเดียวกับพระปรางค์สามยอดลพบุรี ซึ่งเคยเจริญรุ่งเรืองและเป็นเมืองท่าสำคัญมาหลายสมัยตั้งแต่สมัยขอม ละโว้ สุโขทัย และอยุธยา

          ตำนานเกี่ยวเนื่องกับวรรณกรรม เรื่อง รามเกียรต์ โดยเล่าขานกันมาว่า เมื่อครั้งพระรามมาปราบพนาสูร และได้ประทานที่ดินให้แก่หนุมานและสุครีพ หนุมานจึงได้ครองกรุงละโว้ (ปัจจุบัน คือ จังหวัดลพบุรี) และสุครีพได้ครองเมืองเสนาราชนคร หรือ เมืองขีดขิน (ปัจจุบัน คือ จังหวัดสระบุรี)

ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองจังหวัดสระบุรี (บ้านหมอ)
ตั้งอยู่ที่ : ฝั่งตรงข้ามกับทะเลสาบบ้านหมอ

ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองจังหวัดสระบุรี (บ้านหมอ)
ปัจจุบันตั้งอยู่ที่ : ฝั่งตรงข้ามกับทะเลสาบบ้านหมอ
หมู่ ๑๑ ตำบลบ้านหมอ อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น