ศาลหลักเมืองจังหวัดพิจิตร
ณ
วันพุธที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ (วันวิสาขบูชา)
ศาลหลักเมืองจังหวัดพิจิตร
(Phichit
City Pillar Shrine)
ปัจจุบันตั้งอยู่ : ณ
ภายในบริเวณสวนรุกขชาติกาญจนกุมาร อุทยานเมืองเก่าพิจิตร ตำบลเมืองเก่า
อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร
ศาลหลักเมืองจังหวัดพิจิตร เป็นสถาปัตยกรรมไทย ศาลาทรงไทยรูปจตุรมุขเปิดโล่ง โดยอาคารศาลหลักเมืองจะแบ่งออกเป็น ๒ ชั้น คือ ด้านบนจะเป็นที่ตั้งของศาลหลักเมือง บริเวณพื้นด้านบนจะปูด้วยหินอ่อน ขนาดกว้าง ๕ วา ยาว ๕
วา มีกำแพงแก้วรอบนอก หลังคาทรงไทยเป็นทรงจั่ว ๔ ด้าน
ประดับด้วยช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ที่หน้าบันของมุขทั้ง ๔ ด้าน สลักเป็นลายไทย
หลังคามุงกระเบื้องเกล็ด ชายคาหลังคาลาดลงมีโครงสร้างเป็นปูน เสาที่รองรับมุขหลังคาเป็นเสาก่ออิฐถือปูนสี่เหลี่ยม
ประดับด้วยนาคทัณฑ์หรือไม้ค้ำยันรูปสามเหลี่ยมลายไทย
รับน้ำหนักของชายคาลงมาที่เสาของศาลาทรงไทย บันไดทางขึ้น-ลง มีเพียง ๒ ทิศ
แต่ละทิศมีบันได ๒ ข้าง เยื้องกัน
ส่วนด้านหน้าศาลาทรงไทยรูปจตุรมุขของศาลหลักเมือง ต่อยื่นเป็นหลังคาทรงไทยชั้นลด
๒ ชั้น ยื่นออกมาครอบทางลงห้องด้านล่าง เป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นของ
"พระยาโครตบองเทวราช" หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "พ่อปู่" หรือ "พ่อปู่หลักเมือง" เสาที่รองรับมุขหลังคาด้านหน้าเป็นเสาก่ออิฐถือปูนทรงกลมประดับด้วยกระเบื้องเกล็ดแก้วสีเงิน
เสาหลักเมืองจังหวัดพิจิตร ทำจากไม้ชัยพฤกษ์ ยอดเสาทำจากไม้สักแกะสลักเป็นรูปพระพรหมสี่หน้า โคนเสาหลักเมืองทั้งสี่ทิศ แกะสลัก คำว่า " เมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา" ฐานรองรับเสาหลักเมืองเป็นไม้สักแกะสลักเป็นรูปบัวคว่ำ-บัวหงาย ลงรักปิดทอง ฐานล่างสุดเป็นพื้นหินอ่อนทรงกลม ซ้อนสองชั้น
บริเวณด้านหน้าศาลหลักเมืองพิจิตร
จะมีป้ายประวัติบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของศาลหลักเมืองพิจิตร
และประวัติพ่อปู่พระยาโครตบองเทวราช
|
คำกล่าวบูชาสักการะองค์พระหลักเมือง
|
เติมน้ำมันตะเกียง
ภายในศาลหลักเมืองพิจิตร
|
ป้ายประวัติบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของศาลหลักเมืองพิจิตร
และประวัติพ่อปู่พระยาโครตบองเทวราช
|
จุดจำหน่ายพวงมาลัย
ธูป เทียน ผ้าแพร ๓ สี น้ำมันตะเกียง
บริเวณด้านหน้าทางเข้าศาลหลักเมืองพิจิตร
|
ศาลหลักเมืองพิจิตร
หลังคาทรงจั่ว หน้าบันแกะสลักลายไทยอย่างสวยงาม
ประดับด้วยช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์
|
ประวัติศาลหลักเมืองจังหวัดพิจิตร
ศาลหลักเมืองพิจิตรสร้างขึ้นในราวปี พุทธศักราช ๑๖๐๑
สมัยพระเจ้ากาญจนกุมาร เป็นผู้ครองนครชัยบวร แต่ศาลหลักเมืองได้ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา
จึงไม่สามารถระบุสถานที่ตั้งได้อย่างแน่ชัด
ต่อมาปี พุทธศักราช ๒๕๐๗-๒๕๑๐ นายแสวง ศรีมาเสริม ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตรในสมัยนั้น
ได้มีดำริที่จะบูรณะปรับปรุงฟื้นฟูเมืองพิจิตรเก่าขึ้น เพื่อเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและได้กำหนดให้มีการฝังเสาหลักเมืองขึ้นใหม่
เพื่อเป็นการเสริมสร้างและเป็นที่รวมจิตใจของชาวพิจิตร โดยหลวงปู่โง่น โสรโย
(วัดพระพุทธบาทเขารวก ตำบลวังหลุม อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร) ได้นั่งสมาธิวิปัสสนากรรมฐาน
เห็นที่ตั้งศาลหลักเมืองเก่า และราวปี พุทธศักราช ๒๕๐๗ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ได้ทำพิธีขุดหาเสาหลักเมืองเดิม เมื่อขุดลงไปพบซากไม้ที่ใช้ทำหลักเมืองอยู่สภาพที่ผุชำรุดมาก
และซากโครงกระดูกวัตถุโบราณอีกมากมายหลายอย่าง จึงพอสันนิษฐานได้ว่า
บริเวณพื้นที่ตั้งศาลหลักเมืองปัจจุบันเป็นที่ตั้งศาลหลักเมือง สมัยที่พระยาโครตบองเทวราช
ฝังไว้แต่เดิม
ต่อมา ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ได้ประสานกับกรมศิลปากร เพื่อบูรณปฏิสังขรณ์ศาลหลักเมืองที่เมืองพิจิตรเก่านี้
และจัดหาไม้สักมาแกะสลักทำยอดเสาหลักเมืองใหม่
ส่วนเสาหลักเมืองเป็นไม้ชัยพฤกษ์ ฐานรองรับเสาหลักเมืองเป็นไม้สักแกะสลัก และได้มีกำหนดพิธีการวางศิลาฤกษ์หลักเมือง และตั้งศาลหลักเมืองใหม่โดย
หลวงปู่โง่น โสรโย ในวันอังคารที่ ๑๖
เมษายน พุทธศักราช ๒๕๑๑ (ค.ศ. ๑๙๖๘) เวลา ๑๒.๐๐
น. ตรงกับวันอังคาร แรม ๔ ค่ำ เดือน ๕ ปีวอก จุลศักราช ๑๓๓๐ มีการจารึกลงบนศิลาฤกษ์
ปรากฏไว้ที่ศาลหลักเมืองพิจิตร
ด้วยหลวงปู่โง่น โสรโย (วัดพระพุทธบาทเขารวก ตำบลวังหลุม อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร) ประสงค์แสดงให้ประจักษ์ในเทพเทวดาสถิตอภิบาลรักษา ณ ศาลหลักเมืองพิจิตรแห่งนี้ ดังนี้
วสุเทพ คือ เทพที่สถิตอยู่ใต้ดิน อันได้แก่ "พ่อปู่หลักเมือง"
กรุทรเทพ คือ เทพที่สถิตอยู่ระหว่างอากาศและพื้นดิน อันได้แก่ " เสาหลักเมืองพิจิตร"
อาทิตษเทพ คือ เทพที่สถิตอยู่ในอากาศ และน่านฟ้า
ดังนั้น : การจะจัดสร้างจึงให้สูงหรือต่ำกว่านี้มิได้ การขึ้นไปกราบไหว้หลักเมืองพิจิตรจึงต้องทำด้วยความเคารพ จะเป็นมงคลแก่ตน
ในวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์
พุทธศักราช ๒๕๑๒
ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ได้เชิญเสาหลักเมืองใหม่ ขึ้นน้อมเกล้าฯ ถวายให้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่
๙) ทรงเจิมและทรงพระสุหร่าย ณ
พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
ซึ่งในคราวนั้นพระองค์ได้พระราชทานเส้นพระเกศา เพื่อบรรจุที่เศียรพรหมสี่หน้ายอดเสาหลักเมือง รวมทั้งพระราชทานเพชร ๙ สี พร้อมแผ่นทองจารึก
พระปรมาภิไธย “ภปร.” ประดับเสาหลักเมือง
และมีกระแสพระราชดำรัสว่า “มอบให้เป็นมิ่งขวัญกับชาวพิจิตรทั้งหมด ฝากความคิดถึงให้ประชาชนชาวพิจิตรด้วย
ขอให้จังหวัดพิจิตรเจริญรุ่งเรืองมีชื่อเสียงต่อไป”
หลังจากนั้น ทางจังหวัดได้อัญเชิญเสาหลักเมืองไปประดิษฐานไว้ที่ศาลากลางจังหวัดพิจิตร จนกระทั่งงานก่อสร้างศาลหลักเมืองพิจิตรแล้วเสร็จ จึงได้อัญเชิญกลับไปประดิษฐาน ณ
อุทยานเมืองเก่า และทำพิธีฝังเสาหลักเมืองในระหว่างวันที่
๑๐-๑๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
ศาลหลักเมืองพิจิตร ได้บูรณะและปรับปรุงทัศนียภาพโดยรอบอีกครั้งให้สวยงามและแล้วเสร็จเมื่อ
ประมาณพุทธศักราช ๒๕๒๐ โดยจัดสร้างอาคารแบ่งออกเป็น
๒ ชั้น คือ ด้านบนจะเป็นที่ตั้งของศาลหลักเมือง
ส่วนด้านล่างจะเป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นของ "พระยาโครตบองเทวราช"
ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า "พ่อปู่" สภาพโดยรอบศาลหลักเมืองและกำแพงแก้วทั้งสี่ทิศ จะมีต้นไม้มากมายดูร่มรื่นเย็นตา
ในบริเวณยังมีศาลาสำหรับนักท่องเที่ยวพักผ่อนอีกด้วย…
ประวัติพระยาโครตบองเทวราช
(“พ่อปู่” หรือ “พ่อปู่หลักเมือง”)
พระยาโครตบองเทวราช หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “พ่อปู่” เป็นพระนามของ พระเจ้ากาญจนกุมาร หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า
“เจ้าจันทร์” ในราชวงศ์ “โครตบอง” เป็นโอรสของพระยาโคตมเทวราช ทรงขึ้นครองราชย์ประมาณปี
พุทธศักราช ๑๖๐๐ เป็นผู้ปกครองนครชัยบวร ต่อจากพระบิดา ต่อมาเมื่อปี พุทธศักราช ๑๖๐๑ ในครั้งที่พระองค์เสด็จทางชลมารคตามลำน้ำน่านเก่า
ถึงหมู่บ้านสระหลวง ทรงเห็นประโยชน์ทั้งทางยุทธศาสตร์และการทำมาหากินของราษฎร จึงทรงดำริย้ายเมืองจากนครชัยบวร มาสร้างเมืองใหม่ขึ้น ทรงพระราชทานนามเมืองใหม่นี้ชื่อว่า
“เมืองสระหลวง” หรือ “เมืองพิจิตร”
เมื่อพุทธศักราช ๑๖๐๑ และไพร่ฟ้าข้าราชบริพาร พระประยูรวงศานุวงศ์
ได้ถวายพระนามใหม่แด่พระองค์ ทรงพระนามว่า “พระยาโครตบองเทวราช” เป็นกษัตริย์ครองเมืองพิจิตรสืบมา
และมีบรรพกษัตริย์สืบราชวงศ์ต่อมาอีกประมาณ ๒๐๐ ปี
บริเวณภายในห้องด้านล่างศาลหลักเมืองจังหวัดพิจิตร
ประดิษฐานรูปปั้น "พ่อปู่พระยาโครตบองเทวราช" |
คำบูชาพ่อปู่พระยาโครตบองเทวราช |
ใบเซียมซี ภายในห้องด้านล่าง "พ่อปู่หลักเมืองพิจิตร”
|
ตีระฆัง
อธิษฐานบอกกล่าว "พ่อปู่หลักเมืองพิจิตร”
|
เทศกาลสงกรานต์
สรงน้ำพ่อปู่ บูชาหลักเมืองพิจิตร
เป็นกิจกรรมที่ทางจังหวัดจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี
ระหว่างวันที่ ๗-๙ เมษายน ณ บริเวณหน้าศาลหลักเมืองจังหวัดพิจิตร
ต้นลีลาวดี ถูกนำมาปลูกไว้ ตั้งแต่ ปี พุทธศักราช ๒๕๐๙ ในช่วงเดือน มีนาคม ถึง เดือนเมษายน ของทุกปีต้นลีลาวดีจะออกดอกเต็มต้น เป็นภาพที่สวยงาม สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยว ที่เข้ามาสักการะไหว้ศาลหลักเมือง และ พระยาโครตบองเทวราช พ่อปู่ผู้สร้างเมืองพิจิตร
ศาลหลักเมืองจังหวัดพิจิตร
(Phichit
City Pillar Shrine)
ปัจจุบันตั้งอยู่
: ณ ภายในบริเวณสวนรุกขชาติกาญจนกุมาร
อุทยานเมืองเก่าพิจิตร ตำบลเมืองเก่า
อำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตร
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น